
ทำความรู้จักกับเครื่องช่วยฟัง
Categories: บทความที่น่าสนใจ on กุมภาพันธ์ 16, 2018
เครื่องช่วยฟัง คือ เครื่องขยายเสียงขนาดเล็กที่สามารถใส่ติดไว้ที่หู เพื่อทำหน้าที่ขยายเสียงพูดและเสียงจากสิ่งเเวดล้อมภายนอก ทำให้ผู้ฟังได้ยินเสียงดังขึ้น เครื่องช่วยฟังถือเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เมื่อไรถึงจะใช้เครื่องช่วยฟัง ?
1.ผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยินซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการให้ยาหรือการผ่าตัด
2.การสูญเสียการได้ยินนั้นมีผลกระทบต่อการสื่อความหมายด้วยการฟังและการพูด
3.การสูญเสียการได้ยินที่มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางภาษาและการพูดในเด็ก
4.ผู้ป่วยสูญเสียการได้ยินจากโรคหูที่อาจได้รับประโยชน์จากการผ่าตัด แต่มีข้อห้ามในการผ่าตัดหรือปฏิเสธการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหูนั้นๆ เช่น เป็นโรคหัวใจ เหลือการได้ยินเพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งหูหนวก เป็นต้น
การเลือกเครื่องช่วยฟังต้องดูอะไรบ้าง ?
1) ประเภทและระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยิน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเลือกกำลังขยายของเครื่องช่วยฟังเพื่อให้เหมาะสมกับระดับการได้ยินของผู้ป่วย
2) อายุ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นอาจมีปัญหาของกล้ามเนื้อมือซึ่งมักจะอ่อนแรงหรือเกิดอาการสั่น หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ทำให้มีความลำบากในการหยิบจับ การปรับปุ่มต่างๆ ของเครื่องช่วยฟัง ส่วนการเลือกเครื่องช่วยฟังในเด็กนั้นจะมีข้อ จำกัดในการเลือกชนิดของเครื่องช่วยฟัง เนื่องจากสภาพการเจริญเติบโตของช่องหู ดังนั้นในเด็กที่มีอายุน้อยกว่านี้ควรใส่เครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังใบหูเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนพิมพ์หูเมื่อมีขนาดของช่องหูใหญ่ขึ้น
3) อาชีพอาชีพเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาในการเลือกเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น ในผู้ป่วยบางรายที่ประกอบอาชีพที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารหรือพบปะผู้คนในสังคม อาจมีความต้องการใช้เครื่องช่วยฟังที่มีขนาดเล็กและผู้อื่นมองเห็นไม่ชัดเจน เพื่อภาพลักษณ์ทางสังคม
4) รูปแบบของเครื่องช่วยฟังและความสะดวกในการใช้งานรูปแบบของเครื่องช่วยฟัง และความสะดวกในการใช้งาน ขึ้นอยู่กับความต้องการและรูปแบบการใช้งานของผู้ป่วย
5) งบประมาณเครื่องช่วยฟังมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเครื่องช่วยฟัง ซึ่งการเลือกเครื่องช่วยฟัง ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้ป่วยและความจำเป็นในการใช้งาน
6) บริการหลังการขายเครื่องช่วยฟังในปัจจุบันมีด้วยกันหลายยี่ห้อและหลายบริษัท ฉะนั้นการบริการหลังการขายจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจเลือกเครื่องช่วยฟัง เพราะเครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการซ่อมแซมเมื่อเครื่องช่วยฟังมีปัญหา
ควรปรับตัวกับการใช้เครื่องช่วยฟังอย่างไร ?
การเริ่มใส่ในผู้ใหญ่
เริ่มใส่ในช่วงเวลาสั้นๆ วันละหลายๆ ครั้งและค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการใช้นานขึ้นจนใส่ได้ทั้งวัน
ในช่วงแรก หากรู้สึกล้า ให้ถอดเครื่องออก
ควรฝึกการฟังเสียงที่เงียบในบ้านและเปิดเสียงเบาๆ ก่อน
คุยกับคนๆ เดียวในที่เงียบ และขยายไปที่ที่มีเสียงรบกวนบ้าง จากนั้นเริ่มฝึกฟังและพูดคุยกับคนหลายๆ คน
การดูโทรทัศน์ แนะนำให้ดูข่าวก่อน เนื่องจากพิธีกรจะพูดเสียงระดับเดียว ฟังง่าย
ฝึกฟังเสียงภายนอกโดยเริ่มจากที่เงียบๆ ก่อน และค่อยๆ ขยายไปที่ที่ดังขึ้น โดยลดระดับความดังลง การใส่เครื่องช่วยฟังในระยะแรกๆ นั้นอาจจะยังแยกเสียงไม่ได้ดีนัก ต้องอาศัยการฝึกฟังบ่อยๆ เพื่อให้เกิดการปรับตัวและความคุ้นเคยต่อเสียงที่ขยายผ่านเครื่องช่วยฟัง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทน เมื่อคุ้นเคยแล้วจะทำให้ ท่านมีความสุขในการฟังเสียงจากเครื่องช่วยฟัง
ฝึกปรับตัวกับเสียงในสิ่งแวดล้อม หมุนเปลี่ยนระดับความดังเมื่อจำเป็นเท่านั้น ควรใช้ระดับความดังเสียงปกติที่ตั้งไว้
เมื่อไปในที่ที่มีเสียงดังมากๆ รู้สึกทนไม่ไหว ให้ถอดเครื่องเก็บ
ฝึกฟังแยกแยะเสียงที่คล้ายกัน เช่น ฟัน-ดัน , กบ-ขบ เป็นต้น ซึ่งอาจใช้การอ่านปากช่วย
หากมีปัญหาให้รีบมาพบนักแก้ไขการได้ยิน
อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ให้ฝึกปรับตัวตามคำแนะนำต่อไป
การเริ่มใส่ในเด็ก
ควรเริ่มในขณะที่เด็กอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด อาจเป็นช่วงที่เด็กกำลังเล่นเพลินกับกิจกรรมที่ชื่นชอบ โดยเริ่มตามลำดับ ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1 : เปิดเสียงที่ระดับความดังต่ำๆ ก่อน ใส่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ อาจจะ 20-30 นาที ในขณะที่เด็กเล่นหรือดู ทีวีเพลินๆ (ระยะนี้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด)
สัปดาห์ที่ 2 : เพิ่มความดังขึ้นเล็กน้อยและเพิ่มระยะเวลาในการใส่นานขึ้น อาจเป็น 1 หรือ 2 ชม. (สังเกตดูปฏิกิริยา ของเด็กด้วย) กระตุ้นให้เด็กฟังเสียงสภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในบ้าน
สัปดาห์ที่ 3 : ปรับระดับความดังให้พอดี เพิ่มระยะเวลาการใส่ให้นานขึ้น อาจเป็น 2-3 ชม. (หรือนานเท่าที่เด็กรับ ได้) และกระตุ้นให้เด็กออกเสียงพูด หลังจากนี้ให้ค่อยๆ เพิ่มเวลาการใส่เครื่องช่วยฟังให้ได้นานขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวัน ละ 6 ชม. เป็นอย่างน้อย และพยายามฝึกสอนให้เด็กออกเสียงพูด การใส่เครื่องช่วยฟังนั้น ไม่ได้ทำให้เด็กพูดได้ทันทีที่ใส่ เด็กจะต้องได้รับการฝึกสอนการพูด ทั้งการฝึกฟังเสียงแยก เสียงและออกเสียงพูด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาและความอดทน
เราจะสื่อสารกับคนที่สูญเสียการได้ยินอย่างไร ?
ควรอยู่ห่างจากผู้ใช้เครื่องช่วยฟัง 3 – 6 ฟุต หันหน้าให้ตรงกัน และให้มีแสงสว่างบนใบหน้าของผู้พูดเพียงพอ แสงไฟไม่ ส่องเข้าตาคนไข้ ผู้พูดอยู่ในตำแหน่งที่คนไข้สามารถมองเห็นใบหน้าและปากของผู้พูดได้อย่างชัดเจน
ให้พูดตรงหน้าคนไข้ให้คนไข้เห็นหน้า อย่าพูดตรงข้างหูคนไข้
อย่าให้อะไรมาบดบังใบหน้า ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการสังเกตสีหน้าและการอ่านปากของคนไข้ เช่น แว่นตา บุหรี่
เรียกชื่อคนไข้ก่อนที่จะคุยกับเขา เพื่อให้เขาสนใจในตัวผู้พูด
พูดเสียงดังระดับปกติ พูดให้ชัดเจนด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติ พูดประโยคสั้นๆ และหยุดระหว่างประโยค เพื่อให้คนไข้จับใจความสำคัญของบทสนทนาได้
ใช้ภาษาง่ายๆ ถ้าคนไข้ไม่เข้าใจ ควรพูดประโยคนั้นซ้ำ เปลี่ยนคำให้ง่ายขึ้น
ขณะสนทนากับคนไข้ อย่าตะโกน เนื่องจากจะทำให้เสียงที่ผ่านเครื่องช่วยฟังเข้าไปในหูคนไข้ผิดเพี้ยน
หากมีบางคำในประโยคที่ออกเสียงคล้ายกัน ให้พูดคำนั้นซ้ำ เน้นที่คำนั้นโดยไม่ต้องให้คนไข้ร้องขอให้พูดซ้ำ
หลีกเลี่ยงการสนทนาในที่ที่มีเสียงรบกวน เช่น เสียงโทรทัศน์ หรือ วิทยุ เพราะเสียงรบกวนจะทำให้คนไข้ฟังลำบาก ให้ชวนคนไข้ไปคุยในที่เงียบ และปิดแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนทั้งหลายก่อนเสมอ
บอกคนไข้ถึงหัวข้อที่กำลังสนทนาและเตือนคนไข้ให้รู้เมื่อมีการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
หากไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ป่วยพูดให้ถามผู้ป่วย
ทัศนคติสำคัญกับการใส่เครื่องช่วยฟังอย่างไร ?
ทัศนคติเกี่ยวกับการสูญเสียการได้ยินและเครื่องช่วยฟังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เป็นการยากที่จะยอมรับความ
จริงที่ว่ามีการสูญเสียการได้ยินเกิดขึ้น ควรบอกกับครอบครัวและเพื่อนว่าท่านมีการสูญเสียการได้ยิน เพื่อให้การสนทนาของบุคคลเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการมองและการเข้าใจมากขึ้น ไม่ควรจะรู้สึกอับอายและซ่อนเครื่องช่วยฟังไว้ ให้คิดในแง่บวกเข้าไว้
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.audimed.co.th/knowledge.php?id=9